Pivot Pivot Table และ Pivot Chart (Slicer)
Power Pivot Table และ Pivot Chart (Slicer)
Power Pivot สิ่งที่มันต่างจาก Pivot Table แบบเดิม เล็กน้อย คือ มันเพิ่มขีดความสามารถหลายอย่าง เช่น การเชื่อมต่อกับข้อมูลได้หลายแหล่ง สามารถสร้าง Data Model ได้ (ส่วนใหญ่ จะเอามาจาก Power Query อีกที แต่สิ่งสำคัญ คือ คุณต้องเข้าใจ Relation ของ Data ให้เข้าใจถ่องแท้ก่อน จึงสามารถทำงานกับมันได้ดี และสุดท้ายคือ มันทำงานได้กับ Data หลายล้าน Record (Excel เดิมจะใช้งานได้แค่ 1.048 ล้าน Record เท่านั้น และจะทำงานช้ามาก หาก Record เยอะมาก)
แต่สิ่งสำคัญสำหรับ Power Pivot Table คือ คุณอาจต้องเรียน ภาษา DAX ควบคู่ไปด้วย
คำถามคือ เราทำงานกับ Power Query แล้ว ทำไม เรายังต้องทำงานกับ Power Pivot อีก Pivot ส่วนใหญ่มันจะใช้กับ Group Sort และ Filter เป็นหลักมากกว่า ที่สำคัญคือ มัน Friendly-User มากกว่า แค่นั้น
แนะนำ Pivot
Power Pivot มันเป็นฟีเจอร์หนึ่ง ใน Excel แต่ที่เหนือกว่า Pivot Table แบบเดิม คือ มันจะเน้นไปที่ Field ที่หลากหลาย และ Sub Field แบบหลายชั้น
แต่สิ่งสำคัญสำหรับ Power Pivot Table มันสัมพันธ์กับ ภาษา DAX หรือ Data Analysis Expression) ควบคู่ไปด้วย
Install Power Pivot Add-in
Excel มันไม่ได้มีมาให้ตั้งแต่แรก เราจำเป็นต้องเลือก Install Power Pivot ดังนี้
1. File Tab >> Option >> Add-Ins >> Manage - Com Add-in >> ติ๊ก Power Pivot >> Ok
(อย่าสับสนกับ Power Query ที่มีมาให้ตั้งแต่แรก (หลังเวอร์ชั่น 2016 เป็นต้นไป)
Ribbon
เมื่อ Install เรียบร้อย มันจะมี Power Pivot Tab เกิดขึ้นมา และมี Ribbon พร้อม 6 ปุ่ม ดังนี้
Manage
Measure
KPIs
Add Data Model
Detect
Setting
1. Load Excel เข้า Data Model ดังนี้
Power Pivot >> File >> Manage(ปุ่มเขียวๆ)
เมื่อคลิก Manage มันจะขึ้นหน้าต่าง Data Model ขึ้นมา (เริ่มแรกจะเป็นหน้าเปล่าๆ)
โดยหน้าต่างนี้ จะมี Home Tab และจะมีลักษณะเหมือนกับ Power Query คือ From Database Form Data Service Form Other และ Existing Connection
2. Load Data ผ่าน Power Query เข้า Pivot เลย (มันจะกลายเป็น Database โดยอัตโนมัติ)
Data Model
มันเกิดมาเพื่อ ใช้สร้าง Relation Database โดยเฉพาะ โดยมันจะส่งข้อมูลไปให้ Pivot Table และ Pivot Chart แต่ประเด็นคือ ไฟล์ Excel 1 ไฟล์(Work Sheet) มันจะมี Data Model ได้แค่ 1 อันเท่านั้น
วิธีการเรียก Data Model ก็ คลิกที่ปุ่ม Manage
ก่อนจะไปส่วนอื่น ขออธิบาย Excel Table กับ Pivot Table ก่อน ว่า Excel Table นั้น ไม่จำเป็นต้องรวมความสัมพันธ์ของ Table ทั้งหมด มันสามารถทำงานแยกกันได้โดยอิสระ แต่ถ้าเป็น Pivot Table คุณต้องรวม Table ทั้งหมด เป็น 1 เดียวก่อน จึงจะสามารถทำงานได้
โดย Data Model จะ View ได้ 2 แบบ คือ Data View กับ Diagaram View
Measure หรือ Value นั่นเอง
Measure เราต้องเข้าใจว่า Value นั่นเอง โดยใน Pivot table แบบเดิมนั้น จะได้แค่ Sum Average ประมาณนี้ เท่านั้น แต่ของใหม่ เราสามารถเขียนสูตรมันจากภาษา DAX (Data Analysis Expression) ได้เลย โดยจะมีฟังก์ชั่นดีๆ เช่น กลุ่ม Time Inteliigence ให้ด้วย (ข้อดีคือมันใช้ได้ทั้งใน Power Pivot และ Power BI )
การสร้าง Measure มักจะเกิดหลังจากที่เราสร้าง Data Model โดยผูกความสัมพันธ์(Relation) ไว้เรียบร้อยแล้ว เราก็จะมาสร้าง Measure ด้วยการเข้า Home Tab >> Data View หลังตารางจะมี Add Columns เสมอ โดยจะมี Tab ด้านล่าง สำหรับเลือก DataBase ที่เรา Import ไว้ใน Data Model แล้ว
ในคอลัมม์ Add Column เมื่อเปลี่ยนชื่อ คอลัมม์แล้ว มันจะไปเพิ่มในแถวหลังต่อไป
ยกตัวอย่างเช่น
Total Sale :=SUM('Accounting Data'[Amount"])
Revenue :=Related('OtherDataBase'[ColumnName])*Orders[Units Sold]
คำสั่ง Relate คือการดึงข้อมูลจาก Database อื่น
นอกจากนี้เรายังสามารถสร้าง ค่าที่เป็นค่าเดียวเก็บไว้ก่อนได้ เช่น Sum หรือ Total Count DistinctCount เก็บไว้ใน Measure ได้ (มันจะแยกเป็น 2 ตารางบนล่าง โดยเก็บค่าดังกล่าวไว้ด้านล่าง)
KPIs
จะเป็นการสร้าง Key Performance Indicator (เช่น สี ต่างๆ ตามค่า Measure ที่ได้)
Pivot Table
สิ่งแรกที่คุณต้องเข้าใจก่อนคือ คุณต้องการ Dimension Table แบบไหนเริ่มแรก เข้า Insert Pivot Table >> From Data Model >> เลือกว่าจะใส่ไว้ชีทไหน
Pane ด้านขวา
ด้านบน เป็น Database ทั้งหมด ที่มีใน Data Model (ถึงตรงนี้ใครทีคุ้นเคยกับระบบเก่าจะมีแค่ Database เดียว
Filter (ใช้กรองค่า จะอยู่ส่วนบนสุด) โดยมักใช้ร่วมกับ Slicer เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยสามารถใส่ Slicer ใน Pivot table ได้เช่นกัน (จะอยู่ในส่วนของ Options Tab >> Insert Slicer)
Column Label(เลือกแสดง Column) เลือกว่า จะโชว์ คอลัมม์ ว่ามีค่าอะไรบ้าง
Rows Label (เลือกแสดง Rows ) เลือกว่า จะโชว์ Row แบบไหน
แนวคิดง่ายๆ คือ Row1 (เรียกว่า Field) จะใหญ่กว่า Row2 (Sub Field) ยกตัวอย่างเช่น ภาค จังหวัด เป็นต้น แต่มันก็ไม่จำเป็นเสมอไป เราอาจเรียง Field (ปี) Sub Field เป็น จังหวัดก็ได้ เช่นกันแต่จะสับสนเอง
Value (ให้แสดงค่าอะไรบ้าง) ส่วนใหญ่จะเป็นค่าสรุป เช่น Sum Average Max Min Count
DAX สำหรับ Pivot Table
ไปที่ Design Tab >> Add (Column)
สูตรง่ายๆ คือ =[Product Price] *[No.of Unit]
การปรับเปลี่ยน Pivot table
การคำนวน % ของ Grand Total
คลิก ที่คอลัมม์ >> Value Field Setting
Pivot Chart And Slicer
สุดท้ายคือ Pivot Chart โดยมันจะใช้งานร่วมกับ Pivot Table เพื่อสรุปออกมาเป็นกราฟอีกที โดยข้อพิเศษของมันคือ เมื่อเราเรียกใช้งาน Pivot Chart แล้ว มันจะเกิด Tab ชื่อ Pivot Table Analyze และเมื่อเรา Insert Slicer (ใน Ribbon) ก็จะได้ Filter มาแบบ InterActive นั่นเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น