Koolaudio : Sound Blaster External
สำหรับใครที่กำลังสับสน ว่า รุ่นไหนของ Sound Blaster (เฉพาะ External ) ต่างกันอย่างไร
ก่อนอื่นต้องเข้าใจระบบของมันก่อน
1.Super X-Fi มันเป็นโปรแกรมจำลองเสียงให้ลำโพงแยกรอบทิศทาง ดังนันมันจึงมีการเพิ่มอะไรบางอย่าง เข้าไปในเสียงด้วย ยกตัวอย่างเช่น เสียงก้อง เสียงสะท้อน นั่นคือ มันเป็นระบบที่เหมาะกับการดูหนัง และเกมส์ มากกว่า
มันมักจะถูกไปเปรียบเทียบกับระบบ Dolby Headphone ที่จะสร้างบรรยากาศให้สมจริงมากขึ้น
2. SBX มันไม่ได้พยายาม มันทำเพียงแค่ถอดรหัส เพื่อส่งไปลำโพงต่างๆ เท่านั้น มันจึงเหมาะกับ เกมส์ แบบ ที่ต้องการเสียงรอบทิศทาง ที่ตรงกับการบันทึกจริง
ดังนั้น หากสรุปเบื้องต้น SBX นั้นดีกว่า Super X-Fi ทุกประการ แม้ว่าทั้ง 2 อย่างนั้นจะเน้นให้คนฟังเข้าไปมีส่วนร่วมกับเสียงรอบทิศทาง แต่ SBX นั้น เน้นส่งทอดจากผู้ผลิตจริงๆ
ปัจจุบัน จะมี 2 Series หลัก คือ X , G Series (Play! Series ขอข้าม) แต่จะพ่วง X-fi เข้าไปด้วย
1. Creative X-Fi Surround 5.1 Pro น่าจะเป็นตัวล่างสุดแล้ว ผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาเพื่อ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่มี Sound Card และต้องการใช้ Sound Card แบบ External เท่านั้น (เรียกว่ารุ่นต่ำสุดก็ได้ สำหรับคนที่ไม่ต้องการถอดเครื่องมาใส่ Internal หรือต้องการอัพเกรดเสียงเพียงเล็กน้อย)
ข้อดีคือ มันมี RCA สำหรับต่อออกแอมป์ โดยเฉพาะ
โดยมันจะเน้นไปที่ เทคโนโลยี SBX และเทคโนโลยี 5.1
และถอดรหัสได้สูงสุดที่ 24-Bit/96kHz
1.1 Creative Sound Blaster Omni มันถือเป็นรุ่น X-fi รุ่นสุดท้ายก่อนยกเลิกไป โดยมันมีจุดเด่นที่เหนือกว่า X-Fi คือ มันใช้ USB-C แล้ว ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ก็เหมือนกับ X-fi
2.Creative Sound Blaster G3 เป็น External ที่หลายคนเชื่อว่ามาแทน X-Fi แต่มันกลับไม่มี RCA เพราะ G Series นั้นจะเน้นไปที่ หูฟังเป็นหลัก ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ก็เหมือนกับ X-fi
3.Creative Sound Blaster G6 บริษัทระบุว่า มันมาแทนที่รุ่น G5 เก่า โดยรองรับ USB ทั้งจาก PS4 Xbox หรือ PC ได้อย่างสบาย แต่สิ่งสำคัญคือ มันถูกสร้างมาเพื่อหูฟัง โดยเฉพาะ
มันรองรับ 7.1
และถอดรหัสได้สูงสุดที่ 32-bit / 384 kHz, 130 dB
4.Creative Sound Blaster X4 มันเหมือนจะใช้ต่อกับเครื่องเสียงบ้านได้ แต่มันกลับเป็นแค่หัวแจ็คธรรมดา (ไม่ใช่ RCA)
มันรองรับ 7.1
และถอดรหัสได้สูงสุดที่ 24-bit / 192 kHz, 114dB
5.Creative Sound Blaster X5 ตัวนี้น่าจะมีราคาแพงสุดของ External ในปัจจุบัน แต่มันเป็น DAC ที่เหมาะสำหรับฟังเพลงมากกว่า เพราะออกแค่ 2.0 (ซ้าย ขวา)
แต่จุดเด่นของมันคือ ใช้ DAC 2 ตัวในการถอดรหัส ซ้ายและขวา และยังใช้ Amp 2 ตัวสำหรับขับ หูฟังอีกด้วย
แต่มันก็สามารถถอดรหัสได้สูงสุดที่ 32-bit / 384 kHz, 130 dB
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น