หมวกกันน๊อก

หมวกกันน๊อก

หมวกกันน๊อก จริงๆ ควรเปลี่ยนทุก 5 ปี เพราะกาว ฟองน้ำ หรืออะไหล่ต่างๆ มันจะเริ่มเสื่อมคุณภาพ ประเด็นสำคัญคือมันทำให้ หลวม ดังนั้น หากต้องการหาหมวกใช้นานๆ อย่างน้อยควรเป็นรุ่นที่เปลี่ยนฟองน้ำได้ ส่วนโฟมจะเสื่อมช้ากว่า ด้านกาวไม่ต้องพูดถึงส่วนใหญ่ 3-5 ปี เสื่อมแน่นอน  

นั่นเป็นเหตุผลที่ หลายๆ ร้าน นำหมวกเก่าๆ มาลดราคา 

ยกตัวอย่างเช่น Shoei ถ้าใส่ทุกวัน ฟองน้ำจะเสื่อมเร็วมาก ไม่เกิน 2 ปี ฟองน้ำหลุดเป็นขุยแล้ว  และทำให้ตอนใส่จะหลวมแล้ว

ขนาดหมวกกันน๊อก

Full Face = หมวกกันน๊อกเต็มใบเหมาะสำหรับรถแข่ง ลดแรงปะทะลมได้ดี  เก็บเสียงรบกวนได้ดี แต่ข้อเสียคือมุมมองแคบ และ ระบายอากาศไม่ดี 
*** หมวก Full Face แบบยกคางขึ้นมาได้ เหมาะกับการเดินทางไกล ที่ต้องพักดื่มน้ำ ***
*** หมวก Moto Cross คือ มีปีกบน มาช่วยบังแดด และยังช่วยบังโคลนจากรถคันหน้าด้วย **

Open Face = ถือเป็นหมวกกันน๊อกสำหรับใช้ในเมือง  หมวกกันน๊อกจะไม่มีคาง ระบายอากาศได้ดี พกพาสะดวก แต่ข้อเสียคือ ความปลอดภัยจะต่ำกว่า โดยเฉพาะ คาง


Half Face = หมวกกันน๊อก เหมาะกับการขับขี่ในซอยมากกว่า แต่ไม่ค่อยมีความปลอดภัยนัก แต่ข้อดีคือ พกพาง่าย น้ำหนักเบา และราคาถูกที่สุด







Arai  (ชื่อญ๊่ปุ่นกับ ฝรั่งจะเรียกต่างกันแต่รุ่นเดียวกัน) จะเป็นหมวกที่เหมาะกับคนคางสั้นไม่ยื่น เพราะคนคางยื่นส่วนใหญ่หมดสิทธิ์ แต่มันเหมาะกับคนไทยมากกว่า

RX-7X = Corsair X
เป็นหมวกสปอร์ต ตัดลม  มีเทคโนโลยีเยอะที่สุด สามารถขับขี่ได้ 360km/h ถือเป็นหมวกที่ราคาแพงสุด

RX-RR5 = Corsair V
เป็นหมวกในตำนาน ปัจจุบันยังมีขายอยู่ และเป็นต้นแบบของ RX-7X

Astro IQ = RX-Q

เป็นหมวกเต็มใบ ระดับใช้ในชีวิตประจำวัน

Rapide IR = Defiant
เป็นหมวกเต็มใบ สำหรับรถทรง Naked มากกว่า เพราะมันจะรับลมได้มากกว่า

Quantum J = Signet-Q
เป็นหมวกเต็มใบ เป็นหมวกราคาถูกที่สุด แต่ก็สามารถขี่ได้ 200km/h แต่ข้อดีคือไม่บีบขมับ ใส่สบาย


Shoei 
ในไทย จะต้องไปซื้อที่ Paddock (ดินแดง) 

1. Sport 

xr1100
ถอดนวมออกมาซักได้

GT-AIR 

- เน้นเก็บเสียง ยิ่งปิดรูอากาศ แทบไม่มีเสียง
- ความเย็นสบาย ถือว่า เหมาะกับอากาศเมืองไทยที่สุดแล้ว


2. Touring

Qwest
ถอดได้ไม่ครบทุกชิ้น



3. Half Face

J-Force 4
เน้นไปที่เบาและกะทัดรัด และยังต้านลมน้อยอีกด้วย
อะไหล่
Shield จะใช้รุ่น CJ-2 (ปลายด้านล่างยาวกว่า CJ-1 เพื่อป้องกันลมจากด้านล่างมากกว่า และมีตัวล็อกชิลด์ด้านล่าง ป้องกันลมไปเปิดชิลด์เอง โดยยจะมีรุ่นพิเศษ Pinlock ป้องกันการเกิด ฝ้า ด้วย)
ฟองน้ำหู Type-J

J-Cruise
จะเหมือน J-Force แต่จะมีแว่นตาดำ สับลงมาได้ เท่านั้น
Sheild จะใช้รู่น CJ-2

4. Racing

X-Series (ปัจจุบัน คือ X-15)

X-8 Series
Shield
จะใช้ รุ่น CX-1  โดยมีจุดสังเกตหลักคือ มีรูใหญ่ (รุ่นใหม่จะไม่มี) และ มีขั้นบันได  โดยที่รุ่น CX-1-V จะยาวกว่าไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ (ราคาประมาณ 3,000 บาท)
Breath guard จะใช้ร่วมกันกับรุ่น X-9 x-11

รุ่นที่ใกล้เคียงจะมีดังนี้

X-8 series, X-8SP series, X-8V series, X-8SPII series, X-8SPIII series, X-8R series,X-8Rhi series, X-8J series, 
NRV series,
RFD series, RFDII series, RFDII series, 
SYNCROTEC series,
ZRV series,
Z-CRUZ series, Z-Ⅲ series,  Z-CRUZⅡ series, X-8RS series, Z-4 series, Z-5 series

อย่างไรก็ดี มันจะใช้ร่วมกับ หมวกกันน๊อก Avex (ของไทย บริษัทชื่อ ป.ณรงค์ แอนด์ พี.เอ็น.ไอ จำกัด) ได้บางชิ้น โดยเฉพาะ DX14 DX15 

X-9 Sereis
ชิลด์จะใช้รุ่น CX-1-V (ยาวกว่า CX-1 ใช้กันไม่ได้) 

X-11 Series

ชิลด์จะใช้รุ่น CX-1-V (ยาวกว่า CX-1 ใช้กันไม่ได้)  โดยภายใน (Liner) จะสามารถใช้ร่วมกับ X-12-X-14  ได้เลย เพียงแต่จะมีปัญหาช่องระบายอากาศที่อาจไม่ตรงกันเท่านั้น

X-14 Series
ชิลด์จะใช้รุ่น CWR-F

X-SPR
ชิลด์จะใช้รุ่น CWR-F2R

NXR2 
ชิลด์จะใช้รุ่น CWR-F2
สิ่งที่แกะได้ ชั้นกลาง(บน) รองแก้ม รองหู  และรัดคาง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

KoolMocyc : Forza 350 สเปกต่างๆ และการแก้ไข

Stable Diffusion 101 : Extension : AnimateDiff

KoolMocyc : Forza 350 : ปัญหาประจำตัว