NAS 101 : TrueNAS บทที่ 2.1 Network Configuration

การตั้งค่า Configuration ของระบบ และ การเปลี่ยน พอร์ต 

เพื่อความปลอดภัย(Security) เราจำเป็นต้องตั้งค่าต่างๆ ไม่ให้เป็นค่า Default ของระบบ ดังนี้

เราแนะนำให้เปลี่ยนดังนี้ เป็นค่าเริ่มต้น Default ก่อน

1. เปลี่ยนพอร์ต
System>> General 

– WebGUI HTTP Port จากพอร์ต 80 เป็นเปลี่ยนเป็น 8080
ความหมายคือ ถ้ามีการเรียก Port 80 หรือ 8080 มาให้ใช้บริการ http

ดังนั้น หลังจาก Save เสร็จแล้ว เราจำเป็นต้องเข้า พอร์ตใหม่ อีกครั้งด้วย  ถึงจะสามารถเข้าถึงได้
ยกตัวอย่างเช่น  http://192.168.101.233:8080  

– WebGUI HTTPS Port จากพอร์ต 443 เปลี่ยนเป็น 8443
ความหมายคือ ถ้ามีการเรียกใช้บริการ พอร์ต 443 หรือ 8443 จะให้ไปใช้บริการ https 

เปลี่ยน Time Zone
– TimeZone เปลี่ยนเป็น Asia/Bangkok (คือกรณีตั้งค่าทั่วไป)
แต่ถ้าเราต้องการตั้งค่า  TimeZone โดยอ้างอิง NTP Server หรือ คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ เราต้องไปตั้งที่ System >>NTP Server  ก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาตั้งที่ TimeZone อีกครั้ง 
 
>> Add >> ntp.ku.ac.th (ตัวอย่าง เป็น Server ของเกษตรศาสตร์)

เมื่อ Save เสร็จก็เรียบร้อย

2. การกำหนดค่า Fixed IP หรือ Static IP Address (ที่ Router จ่ายให้)

ภายในวงแลน เราสามารถใช้ค่า NetBios หรือ IP Address ก็ได้ แต่โดยทั่วไปเราจะใช้ IP Address แทน 

หากเราเข้าใช้งานด้วย IP Address แต่ตั้งค่าเป็น Dynamic IP  คือมันจะเปลี่ยนค่า IP Address ทุกคร้้งที่เปิดปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ มันคงไม่สะดวก เพราะเป็น IP แบบ DHCP Client (รับค่า IP แบบอัตโนมัติ มันจะเปลี่ยนทุกครั้งนั่นเอง ) 

ดังนั้นเราจำเป็นต้องตั้งให้เป็น Fixed IP Address เพื่อความสะดวกในอนาคต
การ Fix IP เราสามารถทำได้ 2 วิธี 

2.1.1 เปลี่ยนที่ Console (คล้าย Dos) จำเป็นต้องอยู่หน้าเครื่อง
เราเปิดเข้าเครื่องที่ลง OS ไว้ แล้วเลือกดังนี้ 

2.1.2 เปลี่ยนที่ UI  Configure Network Interfaces>> เลือก  Lan ตัวไหน (มันจะขึ้นชื่อแปลกๆ มาให้เลือก) นั่นหมายความว่า มันสามารถใช้แบบ Multi Lan Card  ได้ด้วย คือ ใช้การ์ดแลนหลายตัวได้ (ชื่อมันจะเปลี่ยนไปตามการ์ดแลน)

Interface ในที่นี้คือ การเข้าถึงจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
Name  จะเป็นชื่อการ์ดแลน
IPV4 vs IPV6  ถ้าเป็น IP4 จะใช้ 32บิต แนะนำให้ตั้งเป็น IPv6 จะใช้ 128บิต ลดเวลาประมวลผลลง
NetMask
Subnet Mask


เมื่อเลือกแล้ว มันจะถามว่า ให้ลบค่าเดิมออกเลยมั้ย (ถ้าลบแล้วระบบจะเตะออกจากระบบ) 
ถ้าเตะออกก็ไม่เป็นไร เพราะเราอยู่หน้าเครื่อง แต่ตอนนี้ เราตอบ N (ไม่ลบ) ไปก่อน
มันยังคงถามต่อว่า จะลบค่าที่ตั้งไว้รึเปล่า เราก็ตอบ N (ยังไม่ลบข้อมูลที่ Setting ไว้)

มันจะถามต่อว่า ให้จ่าย IP แบบ DHCP มั้ย ให้ตอบว่า No
มันจะถามต่อว่า จะตั้งแบบ IPv4 หรือไม่ ให้ตอบ  yes
ให้เลือก Interface อีกครั้ง (พิมพ์ ชื่อแลน ที่โผล่มาครั้งแรกนั่นเอง ต้องตรงกันกับข้างบน)
ตั้งค่า IP ไป เป็นตัวเลข 4 ชุด (ต้องเหมือนกับ ชุด IP ชุดแรกยกเว้น ตัวหลังสุด ยกตัวอย่างเช่น 192.168.1.x
ตั้งค่า NetMask 255.255.255.0 (อันนี้เป็นค่าเริ่มต้น คือ 24)
ถึงตรงนี้มันจะถามต่อว่า จะตั้ง IPv6 ต่อเลยมั้ย เราก็ตอบ N ก็เสร็จ

ถึงตรงนี้ เราต้องเข้าเวปในค่าที่เราตั้งไว้ และ Port ที่เราตั้งไว้  เมื่อเข้าไปเวป ให้เราเข้า Shell คราวนี้เราจะเข้า DOS จากตรงนี้ได้แล้ว  ให้พิมพ์ etc/netcli มันจะขึ้นรายละเอียดเหมือนเดิม

การกำหนด Default Gateway หรือ ใน Console เรียกว่า Default Route 
(ตัวนี้เป็นตัวกำหนดให้ ออก Internet)

Default Gateway  คือ ประตูที่กำหนดทางเข้าออกสู่ภายนอก หรือ ทางเชื่อมต่อ ระหว่างคอมพิวเตอร์ กับ Internet นั่นเอง นั่นคือ ไม่ว่าจะเรียก หรือ รับ อะไรจาก Internet จะต้องผ่านช่องทางนี้ 

ดังนั้นข้อมูล ที่จะผ่านช่องทางนี้ไปได้  มันจะประกอบไปด้วย  2 อย่าง
1. IP Address
2. Subnet mask (ขนาดของข้อมูลที่ส่งไป)
โดยปกติ เราจะตั้งค่าให้ชี้ไปที่ Router ของเรา เช่น 192.168.1.1  (ตัวอย่าง)
>> Network >> Global config >> Default Gateway >> ใส่ค่า Ip address ของ Router ของเรา

ส่วน DNS Server เราอาจตั้งไปที่ของ Google คือ 8.8.8.8 และ 8.8.4.4

ดังนั้น เครื่อง PC ทั่วไปจะต้องมี  3 อย่างจึงจะออกสู่อินเตอร์เน็ต ได้ (หรือวงแลนอื่น ถ้าในวงแลนเดียวกัน แค่ใช้ Network ID เหมือนกันแค่นั้นก็ได้แล้ว)  คือ IP Address, Subnet mask, Default Gateway

ดังนั้น หากเราต้องการต่อให้ FreeNas ของเราเชื่อมต่อกับ Internet เราจะต้องไปกำหนด ค่า Default Gateway ด้วยนั่นเอง โดย ทำดังนี้

4.Configure Default route>>  มันจะถามว่า จะตั้งค่า Default gateway มั้ย ตอบ y

จากนั้นก็ระบุ ค่า IP ของ Default Gateway เข้าไป (ค่ามันจะเอามาจาก เครื่องคอมในวงแลนเดียวกัน เช่นเข้า Window Command แล้วพิมพ์ IP Config)

การกำหนด DNS (เป็น DNS ในวงแลน)
เข้าไปตั้งค่าที่
6) Configure DNS     >> ตั้งชื่ออะไรก็ได้ (ในวงเแลน หากพิมพ์ชื่อนี้จะมาเรียก TrueNas นั่นเอง)

2.2 การตั้งค่าที่ WebGUI (Interface ในที่นี้คือ การเข้าถึงจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น)
Network>> Interface >> รายชื่อ Interface (3 จุดด้านหลัง ให้กดปุ่ม edit ก็สามารถเข้าไปแก้ไขได้)
(การเปลี่ยน เป็น Static IP จะทำให้เราสามารถเข้ามา Web GUI เพื่อ Set ค่าในหน้า http เดิมตลอด นอกจากนี้ มันยังทำให้ Router เข้าถึงตำแหน่งเดิมตลอด (เพิ่มความเชื่อมั่นสำหรับการหลุดจาก Internet) 

Interface ในที่นี้คือ การเข้าถึงจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
Name  จะเป็นชื่อการ์ดแลน
IPV4 vs IPV6  ถ้าเป็น IP4 จะใช้ 32บิต แนะนำให้ตั้งเป็น IPv6 จะใช้ 128บิต ลดเวลาประมวลผลลง
NetMask
Subnet Mask

กำหนดค่า Static IP และ Netmask ให้เรียบร้อย
เสร็จ มาถึงตรงนี้ เราต้อง เปิด Window ใหม่เพื่อลองเข้า Http:// ใหม่ที่เพิ่งตั้งค่า Static IP ไว้

เปลี่ยนค่า Default Gateway 
Network>>Global Configure
3. กำหนดชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เรา (Host Name)
4. กำหนดโดเมน
5. กำหนดค่า Default Gateway
6. กำหนดค่า DNS Server 1
7. กำหนดค่า DNS Server 2

DNS
มาถึงตรงนี้ อย่าสับสน เกี่ยวกับ IP Address  เครื่องเราได้รับการแจก IP  Address ในวงแลน จาก Router  นั่นเรียกว่า DHCP
ขณะที่  Router ของเราก็ได้รับการแจก IP Address จาก Internet Service Provider (ISP) อีกทอดหนึ่ง

DHCP มันจะค่อนข้าง Strict กับ IP Address เช่น DNS Default Gateway อย่างไรก็ดี มันก็มีการอัพเดทข้อมูล Address ต่างๆ อยู่เสมอ (เหมาะสำหรับ IP แบบ Dynamic) คือมันพยายามกำหนด IP ให้กับ Address ภายใน

NAT (Network Address Translation) มันจะค่อนข้างง่ายกว่า โดยมันจะพยายามแปล Address ต่างๆ ให้เป็นระบบเดียวกัน ที่ระดับ Layer 3 ดูเหมือนทั้งคู่ใช้เหมือนกัน แต่ความจริงจะต่างเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่อง IP Address   คือ Router มันจะพยายามสร้างตารางและแปลง IP หลายเครื่องภายใต้ IP สาธารณะเดียวกัน 


การเชื่อมต่อ Internet กับ DDNS

โดยปกติ TrueNAS จะมีบริการ Service DDNS อยู่แล้ว แค่ไปสมัคร DDNS แล้วกลับมาเปิดใช้งานเท่านั้น

ตั้งค่าดังนี้

1. เลือก Provider ผู้ให้บริการ DDNS 

2. ใส่ชื่อ DNS ที่สมัครไว้ก็จบเลย (มันจะคอยไปเช็คเองว่า IP อะไรแล้วแจ้งผู้ให้บริการเพื่อเปลี่ยนเอง)

3. ตั้งเวลาในการอัพเดท (ถ้าตั้งถี่เกินไป อาจโดนแบนจาก Provider ได้)

4 Login และ Password ที่ได้จาก DDNS

เมื่อเปิด Run Service แล้วลองไปดู DDNS  ส่วนใหญ่ เช่น Google Domain จะเห็น IP Address บ้านของเราแล้ว


แค่นี้ เครื่องเราก็ออกสู่ Internet ได้แล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

KoolMocyc : Forza 350 สเปกต่างๆ และการแก้ไข

Stable Diffusion 101 : Extension : AnimateDiff

KoolMocyc : Forza 350 : ปัญหาประจำตัว