บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2023

Django 101 : บทที่ 2 การจัดการภายใน URLs , Views , Template และ Model

Django 101 : บทที่ 2  การจัดการภายใน Views อย่างที่บอกคือ เมื่อเรา เข้า URL มันจะทำงานดังนี้   URL>> View >> Model >> Template  urls.py เปรียบเสมือนแผนที่ เพราะมันเป็นไฟล์ที่มีข้อมูลในการจับคู่ urls = views ที่อยู่ใน sub folder ของโปรเจ็ค และ app views.py ไฟล์ ที่่รวม ฟังก์ชั่นทั้งหมด  (อยู่ใน sub folder app) ถือว่า เป็นตัวจัดการการตาม request ที่เข้ามา model.py ไฟล์ที่ใช้เชื่อมต่อ database (อยู่ใน sub folder app) template โฟลเดอร์ที่เก็บ html  (เป็น Folder ที่อยู่ใน sub folder app) นั่นคือ เมื่อ มันได้รับค่า URLs มาแล้ว มันจะไปจับคู่กับ Views ซึ่ง Views คือ Function ทั้งหมดในการจัดการเวปไซต์ เพื่อไปดึงข้อมูล Model และไปแสดงผลผ่าน Template  เริ่มต้นเราจะดู ภายใน ไฟล์  urls.py ว่า มีอะไรอยู่ภายใน URLs Code เริ่มต้น จะประมาณนี้ โดยเป็นการจับคู่ ระหว่าง urls/ members ไปเรียกไฟล์ views.members(ฟังก์ชั่นชื่อ members เช่นกัน พร้อมกับส่งค่า name = "member" ด้วย)  from django.urls import path from . import views # ใช้จุด . เพราะอยู่...

Django 101 : บทที่ 1 เริ่มต้นสร้าง APP

Django 101 : บทที่ 1 เริ่มต้นสร้าง APP App หรือ Web Application เริ่มต้นที่เราจะสร้าง  เพียงแค่สร้าง Form เพื่อกรอกข้อมูล และ ส่งไปบันทึกใน Database และเรียกมาแสดงเท่านั้น แนวทางการเขียน Django ใน Pycharm (กรณี ใช้ Pycharm เป็น IDE แบบ Community Edition จะต้องสร้าง Environment ให้เสร็จก่อน แล้วมาลง Django ใน CML อีกที หรือ Terminal ด้านล่าง Pycharm 1. ใช้คำสั่ง pip install django (ต้องเชื่อมต่อ Internet)  มาถึงตรงนี้ ถ้ามีข้อความ error ให้ลองพิมพ์คำสั่งนี้ Get-ExecutionPolicy ถ้าขึ้นว่า   Restricted คือ Windows Defender มันบล็อกการทำ Server อยู่ให้ปลดด้วยคำสั่งนี้ Set-ExecutionPolicy -Scope CurrentUser -ExecutionPolicy Unrestricted -Force 2. ถัดมาพิมพ์คำสั่ง django-admin startproject ชื่อโครงการ เมื่อเสร็จแล้ว ใน Project จะมีโฟลเดอร์  แม้จะมี Django แล้ว เราต้อง cd เข้าสู่โปเจ็ค 3. ให้เราพิมพ์คำสั่ง django-admin startapp ชื่อApp   4. แก้ไข ไฟล์ Setting.py ดังนี้ 4.1  เพิ่ม APP ที่เพิ่งลงไป ในไฟล์ setting.py 4.2  ใน Template ส่วน DIR ใ...

Django101: บทนำ แนะนำ Django และติดตั้ง และการทำงานเบื้องต้น

Django คืออะไร Django มันเป็น Web Application Framework ในแนวทางการออกแบบแนว MVT (Model View Template) ผ่านการใช้ภาษา Python (เป็น Package หนึ่งของ Python)  เรามาเข้าใจ แนวทางของ Django ก่อน คือ การแยกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้ Model คือ มันจะเกี่ยวข้องกับ การเชื่อมโยง Database View คือ มันเป็นจุดรวมของ Function และ Method เพื่อใช้เป็นตัวจัดการคำขอ และ Return เทมเพลท และเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง (ตามคำของของผู้ขอใช้บริการ) Template  จะเกี่ยวข้องกับ ข้อความ เช่นไฟล์ Html ที่จะมีโครงหน้าของเว็บ พร้อม Logic ในการแสดงข้อมูล Model โดยใน Django จะจัดส่งข้อมูลผ่านแบบ Object Relational Mapping (ORM) ที่เป็นการออกแบบมาเพื่อให้ทำงานกับ Database  โดยการดึงข้อมูลจาก Database ยังเป็น SQL แต่ ORM จะช่วยให้ SQL นั้นไม่ซับซ้อน โดยการเชื่อมต่อทั้งหมดจะอยู่ในไฟล์ชื่อ models.py View  มันจะเป็นจุดรวมของ Function หรือ Method เพื่อรับ Request http  เพื่อนำเข้า Model ที่เกี่ยวข้อง และค้นหาข้อมูล จะส่งไปยัง Template และ Return กลับ โดย View มักจะอยู่ในไฟล์ชื่อ views.py Template  Template...

Django101: บทปูพื้นฐาน และ สารบัญ

Django Web Framework (Python) Django ถือว่าเป็น Server-Side web Framework ที่เขียนขึ้นจากภาษา python โดยก่อนอื่น เราต้องเรียนรู้การสร้าง Environment เพื่อใช้สร้าง Web Application แต่ก่อนจะไปเรียนเขียนกัน คุณควรเรียนรู้ Concept ของ Server-Side web programming และ web framework คืออะไร กันก่อน แต่ในที่นี้จะขอข้ามเลย การตั้งค่า Django development environment  บทนำ  แนะนำ Django เรียนรู้ Django Framework แบบ MVT  และโครงสร้างไฟล์ต่างๆ  บทที่ 1 การสร้าง App เริ่มต้น  เราจะเรียนรู้ การสร้างโปรเจ็ค สร้าง App และไฟล์ต่างๆ  บทที่ 2 ไฟล์ urls , views , models และ Templates ไฟล์ Views แทบจะเป็นจุดศูนย์กลางบของการทำงานในรูปแบบ ฟังก์ชั่นทั้งหมด ของ Django เลยทีเดียว บทที่ 3 การใช้ models บทนี้เราจะเรียนรู้การใช้งาน Model สำหรับ LocalLibrary website  โดยที่ Model จะเป็นการนำเสนอโครงสร้างของ data ที่เราเก็บไว้ใน database เราจะอธิบายว่ามันคืออะไร การประกาศ และ ชนิดของ field และการเข้าถึงข้อมูล บทที่ 4  Admin บทนี้เราจะลองใส่ข้อมูลจริงลงใน database เพื่อสร้าง User...

Ubuntu 101: Web Server on Linux

การสร้าง Server เองภายในบ้าน ด้วย Linux 1. Install OS ก่อออื่นต้อง เลือกระบบปฎิบัติการ Linux เราแนะนำ 3 อันนี้ CentOS ข้อดีคือมันมี Community ที่ค่อนข้างดี และอยู่บนพื้นฐานของ RedHat ดูแลอยู่ มันถือเป็นตัวเลือกแรกสำหรับ web Server ในปัจจุบัน Debian เป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนที่คุ้นเคยกับ Debian  สิ่งที่่ต่างกันคือ Debian ใช้ apt-get และ deb ขณะที่ CentOS ใช้ yum และ rpm  Ubuntu ถือเป็น Linux ที่ฮิตที่สุด เพราะคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับ Ubantu มากกว่า   ในที่นี้เราเลือก Ubantu โดยต้องเลือกเป็น Server edition   (มันต่างกับ Desktop คือ Server  มันไม่ต้องใช้ จอ เม้าส์ คีย์บอร์ด (ยิ่งรันบน Server แบบ Rack มันไม่มีพวกนี้) เพราะมันจะ ใช้เครื่องอื่นเข้ามาทำงาน ผ่าน SSH เราเรียก Server แบบนี้ว่า Headless  แตความจริงแล้ว Ubantu Server มันต่างกับ Desktop  คือ 1.User Interface (UI) ที่ Server จะไม่มี (แต่ตัวนี้จะเป็นตัวที่กินทรัพยากร มากๆ ทำให้ Server Edition มันมีประสิทธิภาพสูงกว่า 2. โปรแกรมที่ติดมาด้วย Server จะไม่มีโปรแรม Multimedia และ Browser ติดตั้้...

Share File Window and Linux

Window สร้าง User เพื่อรองรับ >>เข้า Computer Manager >>ซ้ายมือจะมี Local User and Group >> สร้าง User และ Password ให้เรียบร้อย (อย่าลืมเลือก Password Never Expired ด้วย) Config Folder >> คลิกขวาที่ Folder เลือก Tab Share  >> เลือก Advanced Sharing >> ให้เลือก User ที่สร้างไว้ แล้วเลือกอนุญาติให้ ทำอะไรได้บ้าง >> เลือก Tab Security ต่อ แล้วทำแบบเดิมกับ Tab Share  Static IP Address >>  Advanced Sharing >> Public เลือก เปิด 2 อันคือ Turn on network discovery และ Turn on File and Printer Sharing Linux  >> update ทั้งหมดก่อน >> Install cifs-util  สำหรับ mount SMB Share (เป็นไฟล์ของ Windows)    

Torrent 101 : Web Server

Torrent เป็น โปรโตคอล สำหรับการแชร์ไฟล์ โดยการตั้ง Server ต้องทำตามขั้นตอนดังนี้ 1. เลือก Torrent Client ยกตัวอย่างเช่น uTorrent qBittrorrent หรือ Transmission 2. กำหนดค่า Torrent Client  โดยเฉพาะในส่วนของ Web Interface , User และ Password  3. ตั้งค่าที่ Web Server ยกตัวอย่างเช่น Apache หรือ Nginx เพื่อให้บริการไฟล์จาก Directory ที่ Torrent Client ของคุณสามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ 4. ตั้งค่า Torrent Index (Web site จะต้องสามารถทำให้ ผู้ค้นหา และดาวน์โหลด Torrent ที่ลง ซอฟท์แวร์ไว้สามารถหา Torrent Index แบบ Open Source ได้หลายตัว เช่น Gazelle หรือ OpenTracker 5. ทำการทดสอบ ด้วยการ ลองดาวน์โหลดู เพื่อให้แน่ใจว่า ทำงานได้อย่างถูกต้อง